GraphQL vs REST API: เลือกอะไรดีในปี 2026

เมื่อคุณต้องพัฒนา Web Application ที่ต้องดึงข้อมูลจาก Server หรือเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ “API” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น และในปี 2026 ตัวเลือกหลัก ๆ ที่นักพัฒนานิยมใช้คือ GraphQL และ REST API แต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อย และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง GraphQL และ REST API พร้อมคำแนะนำว่าควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับโปรเจกต์ของคุณในยุคที่ Web App ต้อง “เร็ว-ยืดหยุ่น-ปลอดภัย”
GraphQL คืออะไร?
GraphQL (Graph Query Language) คือ ภาษาสำหรับดึงข้อมูล (Query Language) และเป็น Runtime สำหรับรันคำสั่งดึงข้อมูลจาก API โดยที่ Client สามารถระบุได้ว่า ต้องการข้อมูลอะไรมากน้อยแค่ไหน
เช่น:
query { user(id: 1) { name email posts { title } } }
Client ขอเฉพาะ name, email และ title ของ post เท่านั้น ไม่ต้องได้ข้อมูลเกินจำเป็น
ข้อดีของ GraphQL
ข้อดี | รายละเอียด |
🎯 ดึงข้อมูลเท่าที่ต้องการ | ไม่ Over-fetch หรือ Under-fetch เหมือน REST |
🚀 ลดจำนวน request | ใช้เพียง endpoint เดียว /graphql |
💡 ยืดหยุ่นต่อ UI | Frontend กำหนดข้อมูลที่ต้องการเองได้ |
📦 รองรับการรวมหลาย resource | เช่น ผู้ใช้ + โพสต์ + คอมเมนต์ ใน query เดียว |
🧪 ตรวจสอบ schema ได้ง่าย | มีระบบ introspection และ auto-documentation |
🛡️ มีเครื่องมือตรวจสอบและ Dev Tool เยอะ | เช่น GraphiQL, Apollo, Hasura |
ข้อเสียของ GraphQL
ข้อเสีย | รายละเอียด |
🧠 เรียนรู้ยากกว่า REST เล็กน้อย | ต้องเข้าใจ query language และ schema type |
🔐 อาจเปิดช่องโหว่ด้าน Performance | ถ้า query ข้อมูลซับซ้อนมาก (ต้องควบคุม query depth) |
🔍 Cache ยากกว่า REST | เพราะไม่มี URL ที่ตายตัวเหมือน REST |
🔁 เหมาะกับระบบใหม่มากกว่าระบบเก่า | ระบบที่มี REST อยู่แล้วอาจต้องลงทุนมากขึ้นในการเปลี่ยน |
🧱 การจัดการ Authorization ต้องระวัง | เพราะ query เดียวอาจเข้าถึงข้อมูลหลายส่วนพร้อมกัน |
เหมาะใช้ GraphQL เมื่อใด?
- ระบบต้องการความเร็ว และลดจำนวน request เช่น Mobile App, SPA
- Frontend เปลี่ยน UI บ่อย อยากได้ข้อมูลเฉพาะที่ต้องการ
- API มีหลาย resource ที่เชื่อมโยงกัน (User → Post → Comment)
- ทีมมีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีใหม่ และต้องการความยืดหยุ่น
REST API คืออะไร?
REST (Representational State Transfer) คือสถาปัตยกรรมการออกแบบ API ที่
- ใช้ HTTP Method (GET, POST, PUT, DELETE)
- ใช้ URL ในการเข้าถึง Resource เช่น /users/1
- ส่งข้อมูลเป็น JSON (หรือ XML)
ตัวอย่าง:
GET /users/1
→ ขอข้อมูลผู้ใช้ที่มี ID = 1
🔍 ข้อดีของ REST API
ข้อดี | รายละเอียด |
🌐 เข้าใจง่าย ใช้ HTTP พื้นฐาน | ใช้แนวคิด URL และ Method ที่ทุกคนคุ้นเคย |
📱 รองรับหลายแพลตฟอร์ม | ใช้ได้ทั้ง Web, Mobile, IoT ฯลฯ |
🧰 มีเครื่องมือสนับสนุนจำนวนมาก | เช่น Postman, Swagger, Insomnia |
🔒 รองรับระบบ Auth และ Security ได้ดี | เช่น OAuth2, JWT |
📦 ระบบ Cache ทำได้ง่าย | เพราะมี URL แบบเฉพาะเจาะจง |
🔁 เหมาะกับระบบ CRUD | ใช้กับ Create / Read / Update / Delete ได้ชัดเจน |
ข้อเสียของ REST API
ข้อเสีย | รายละเอียด |
📦 Over-fetch หรือ Under-fetch | ได้ข้อมูลมากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพราะควบคุมไม่ได้ |
🔁 หลาย request สำหรับข้อมูลหลายแบบ | เช่น ต้องเรียก /users/1 แล้ว /users/1/posts แยก |
🏗️ จัดการ relation ยุ่งยาก | ต้องวาง URL hierarchy ให้ดี ไม่เช่นนั้นจะสับสน |
📄 ไม่มี schema แบบ built-in | ไม่มีระบบ introspection เหมือน GraphQL |
🔄 การเปลี่ยน version ยาก | ต้องมีระบบจัดการ URL version เช่น /v1/, /v2/ |
เหมาะใช้ REST API เมื่อใด?
- ระบบไม่ซับซ้อนมาก และต้องการความเสถียร
- เน้นการใช้งานกับหลายระบบที่หลากหลาย
- ทีมต้องการใช้แนวทางที่ เข้าใจง่าย เรียบง่าย
- ไม่มีความจำเป็นต้อง customize ข้อมูลที่ request มาก
หัวข้อเปรียบเทียบ | REST API | GraphQL |
โครงสร้างการดึงข้อมูล | หลาย endpoint (ตาม resource) | Single endpoint |
ความยืดหยุ่น | ดึงข้อมูลได้ตามที่ API กำหนด | ดึงเฉพาะ field ที่ต้องการ |
Over-fetching / Under-fetching | เกิดได้บ่อย | แทบไม่มี |
Performance (ในระบบใหญ่) | หลายรอบการ call | ลดจำนวน roundtrip |
เรียนรู้และใช้งาน | ง่ายกว่า (ทั่วไป) | ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย |
เหมาะกับระบบ | Web/Backend API ทั่วไป | Dashboard, Mobile, SPA |
🚀 เลือกอะไรดีในปี 2026?
เหมาะใช้ GraphQL เมื่อ… |
---|
✅ คุณต้องการลดจำนวน request (เช่น Mobile App) |
✅ ต้องการ UI ที่ยืดหยุ่น เปลี่ยน field ได้ง่าย |
✅ มี Frontend ทีมที่เข้าใจ Query Language |
เหมาะใช้ REST API เมื่อ… |
---|
✅ ระบบไม่ซับซ้อนมาก |
✅ ทีมยังใหม่กับ GraphQL |
✅ ต้องใช้ร่วมกับระบบเก่าหรือ microservice ดั้งเดิม |