
ทำไม Design Pattern จึงยังจำเป็นในยุค Cloud, AI และ API-Driven
แม้เทคโนโลยีจะหมุนเร็วเพียงใด แต่ “Design Pattern” ยังคงเป็นแกนกลางของความเข้าใจใน โครงสร้างระบบ ที่มีประสิทธิภาพ เพราะมันคือ “แนวทางที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว” สำหรับการแก้ไขปัญหาในการออกแบบซอฟต์แวร์ในบริบทต่างๆ เช่น การแยกหน้าที่ (Separation of Concerns), การจัดการกับ State, การควบคุมความซับซ้อน และการทำให้โค้ดพร้อมต่อการขยายและทดสอบ
ในปี 2025 นี้ โลกของซอฟต์แวร์กำลังมุ่งสู่
- ระบบ Microservices และ Event-Driven Architecture
- การใช้ AI Integration เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
- การพัฒนา Fullstack ที่ใช้ JavaScript/TypeScript ทั้งฝั่งหน้าและหลัง
- การออกแบบ API ที่ต้องแชร์ข้ามระบบ
ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องอาศัย “แพทเทิร์นที่ถูกต้อง” เพื่อทำให้โครงสร้างไม่ถล่มเมื่อต้องขยาย
Design Pattern ที่คุณควรเข้าใจในปี 2025
1. MVC (Model–View–Controller)
- ใช้ได้ดีในระบบแบบ Web Monolith (เช่น Laravel, Ruby on Rails)
- Controller ควบคุม Flow → View แสดงผล → Model จัดการข้อมูล
- จุดเด่น: แยกหน้าที่ชัด ลดการซ้ำซ้อนในโค้ด
เหมาะกับ: ระบบ CMS, Web Application ธรรมดาที่ไม่ต้อง Realtime มาก
2. MVVM (Model–View–ViewModel)
- โดดเด่นในระบบ Frontend Framework เช่น Vue, Angular, Flutter
- ViewModel เป็นตัวกลางเชื่อม View กับ Model แบบ two-way binding
- แยก Logic UI ออกจาก Business Logic ได้ดีเยี่ยม
เหมาะกับ: ระบบที่มี UI ซับซ้อน เช่น Dashboard, POS, ERP
3. Repository Pattern
- สร้าง abstraction ระหว่าง Service กับ Database
- ใช้ได้ดีกับ ORM เช่น TypeORM, Eloquent, Prisma
- ช่วยให้ระบบมีความ Testable และ Decoupled
เหมาะกับ: ระบบที่เชื่อมต่อฐานข้อมูลหลายประเภท หรือมีหลายแหล่งข้อมูล (multi-source)
4. Observer Pattern
- ใช้รับฟังและตอบสนอง “Event” ที่เกิดขึ้นในระบบ
- นิยมในระบบแบบ Reactive เช่น Vue, React (ผ่าน useEffect/useState), Firebase
เหมาะกับ: ระบบ Real-time, การแจ้งเตือน, ระบบจัดการ State
5. Factory Pattern
- ใช้สร้างอ็อบเจกต์โดยไม่ระบุคลาสที่แน่นอน
- เหมาะกับระบบที่มีหลายประเภทของวัตถุที่ต้องสร้างตามสถานการณ์
เหมาะกับ: ระบบ Plugin, Widget, หรือการจัดการ UI Component แบบ Dynamic
แพทเทิร์นอื่นๆ ที่ควรศึกษาเพิ่มเติม
Pattern | คำอธิบายสั้น | ใช้ใน |
---|---|---|
Singleton | สร้างคลาสเดียวในระบบ | Logger, Config |
Strategy | เปลี่ยนวิธีการทำงานใน runtime | ระบบคิดราคา, AI Decision |
Adapter | เชื่อมระบบเก่าเข้ากับระบบใหม่ | Legacy Integration |
Decorator | เพิ่มความสามารถแบบ Dynamic | Middleware, Logging |
ตัวอย่างการใช้งานจริง
- ระบบ E-Commerce ที่ใช้ Next.js (Frontend) + NestJS (Backend)
→ ใช้ MVVM + Repository + Observer ในการจัดการตะกร้าสินค้า + Event Order - ระบบ SaaS Subscription App
→ ใช้ MVC สำหรับ Admin + Factory ในการสร้าง Plan - Mobile App Flutter + Firebase
→ ใช้ MVVM + Observer ในการจัดการ Authentication และ Chat
แนวคิดเลือก Design Pattern ให้เหมาะสม
- ไม่ใช่ทุก Pattern ต้องใช้ทั้งหมด — ใช้เมื่อเหมาะสมกับโครงสร้างและทีม
- ใช้ร่วมกับ Clean Architecture หรือ Hexagonal Architecture ได้
- เลือกตามขนาดทีมและประสบการณ์ของ Dev — อย่าให้ Pattern ซับซ้อนเกินจำเป็น
สรุป
Design Pattern ไม่ใช่แค่แนวคิดทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ แต่คือภาษากลางที่ทีมพัฒนาสามารถเข้าใจตรงกันและสร้างระบบที่เติบโตได้
หากคุณต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่ขยายต่อได้ง่าย ไม่ว่าจะโดยทีมเดิมหรือทีมใหม่ในอนาคต — การใช้ Design Pattern อย่างถูกต้องคือกุญแจสำคัญ